ประวัติศาสตร์
กัญชานั้นได้ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อประมาณ 3200 ปีก่อน โดยมีแหล่งอ้างอิงข้อมูลจากหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรบนตำราแพทย์แผนจีนเก่าแก่ (ShennongBenCaoJing) ซึ่งไม่นานนัก เจ้าพืชมหศจรรย์ชนิดนี้ก็ได้แพร่กระจายจากการใช้ในประเทศจีนสู่ประเทศอินเดีย แอฟริกาเหนือ และยุโรปเพียงแค่ในช่วงปี พ.ศ. 1043 โดยถูกนำไปใช้เพื่อเป็นยารักษาโรคก่อนสันนันทนาการ ตามรายงานการรักษานั้น มักถูกใช้ในโรคไขข้อ โรคเกาต์ และมาลาเรียซึ่งเคยระบาดอย่างมากในอดีต
หากแต่การใช้เพื่อสันทนาการก็เริ่มได้รับความนิยมในอินเดียและในหมู่ประชากรมุสลิมเช่นกัน นอกจากการใช้เป็นยารักษาโรคแล้ว ทำให้นำไปสู่การพัฒนาและแปรรูปกัญชา ที่มักถูกสกัดเรซิน (resins) เพื่อทำให้ออกฤทธิ์ทางจิตแบบเข้มข้น
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2088 นักสำรวจชาวสเปนได้นำพืชกัญชานี้ไปสู่อเมริกาเหนือ และในปี พ.ศ. 2154 ก็เริ่มมีการเปิดให้แลกเปลี่ยนซื้อขายใน เมืองเจมส์ทาวน์ และกลายเป็นพืชผลทางการค้าหลักของเมืองอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงปี พ.ศ. 2433 อเมริกาเหนือก็ได้มีพืชใหม่อย่างฝ้ายเข้ามาแทนที่กัญชาที่เป็นพืชเศรษฐกิจหลักอยู่ในขณะนั้น ก็เพราะว่า ในอดีตใยฝ้ายและกัญชาสามารถนำมาถักทอได้เช่นเดียวกัน ไม่เพียงแต่นำมาใช้สันนันทนาการอย่างเดียว หากแต่ฝ้ายสามารถปลูกได้ครั้งละจำนวนมากกว่า และอาศัยการดูแลที่น้อยกว่ากัญชา
ดังนั้น เมื่อกัญชาหายไปจากตลาดการค้าเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งในอดีต หากแต่เกิดเหตุการณ์แอลกอฮอล์ถูกห้ามขายในอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1920 ชาวเมืองทั่วไป จึงหันมาใช้กัญชาเพื่อความมึนเมาและผ่อนคลายแทนที่ ข้อเท็จจริงทางกฎหมาย: ในช่วงเวลาตามประวัติศาสตร์ขณะนั้น การสูบกัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายและไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามทางสังคม ทำให้เกิดร้านกัญชาขึ้นในเมืองใหญ่ๆในอเมริกา
หลักฐานอ้างอิงลายลักอักษรณ์ถูกระบุไว้ใน Pharmacopeia ของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ พ.ศ. 2393 ถึง พ.ศ. 2485 โดยใช้รักษาโรคได้หลากหลายรวมถึงอาการปวดเมื่อยจากการทำงาน(labor pains) คลื่นไส้(nausea) และโรคไขข้อ(rheumatism)
กัญชากับกฎหมายที่นำไปสู่สงครามยาเสพติด
ในช่วงทศวรรษที่ 1930 สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (Bureau of Narcotics and Dangerous Drugs) เริ่มนโยบายปรับภาพลักษณ์ของกัญชาขึ้นใหม่ ทำให้จากการใช้เพื่อความสนุกสนานในการพักผ่อนและยารักษาโรค ให้กลายเป็น “สิ่งเสพติด” อาการทางจิตและอาชญากรรม ที่เป็นโดมิโน่หรือบันไดไปสู่ ยาเสพติดประเภทที่ร้ายแรงลำดับสูงยิ่งกว่า
ซึ่งนั่นทำให้บรรดาสื่อกระแสหลัก หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในยุค 50 และกลุ่ม ฮิปปี้กัญชา ในมหาวิทยาลัยในช่วงทศวรรษ 1960 ถูกกำหนดให้เป็นภาพลักณ์ของผู้ใช้กัญชา
เหตุผลที่ใช้บัญญัติกฎหมาย
จากนั้น ปีพ.ศ. 2513 พระราชบัญญัติสารควบคุม (Controlled Substances Act) ของสหรัฐอเมริกาได้บัญญัติให้พืชประเภท กัญชาเป็นยาเสพติดตาม นโยบายชวนเชื่อ ซึ่งหมายความว่ากัญชาไม่มีประโยชน์และมีโทษที่อันตราย ดังนี้
- The highest potential for abuse (เกิดแรงจูงใจของการกระทำความผิด)
- No accepted medical use (ไม่มีการใช้ทางแพทย์ที่เป็นที่ยอมรับ)
นโยบายทางการเมืองต่อกัญชา
รัฐบาลของประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน และ จอร์จ ดับเบิลยู. บุชยังคงไม่แก้ไขนโยบาย “สงครามยาเสพติดกับกัญชา” เนื่องด้วยในยุคสมัยของรัฐบาลดังกล่าว นโยบายปราบปรามสารเสพติดในสหรัฐอเมริกาขณะนั้น มีประโยชน์ในทางการเมืองระหว่างประเทศอย่างมากใน Reagan’s National Drug Strategy สำหรับการบังคับใช้อำนาจกฎหมายสหรัฐบนประเทศอื่น
การต่อสู้ของกัญชาบนเส้นทางของกฎหมาย
ตลอดช่วงเวลาที่กัญชาถูกทำให้เป็นความผิดอาชญากรรม ได้มีประชาชนจำนวนมากลักลอบปลูกกัญชาภายในระบบปิดมากมาย (domestic grow-ops) เกิดธุรกิจใต้ดินในการปลูกและขายกัญชาในประเทศจำนวนมาก หากแต่การปลูกในที่ร่มนั้นเองกลายเป็นวิธีที่ให้ผลผลิตสูงและทำให้คุณภาพกัญชาดีมากขึ้น เพราะควบคุมได้ในทุกขั้นตอนของการปลูก(ระบบปิด) จึงเกิดเป็น กัญชาเกรดสูง หรือ กัญชาเกรดการแพทย์ ที่มีสาร THC,CBD เข้มข้นเพียงพอต่อการวิจัยรักษาโรคได้ โดยนิวเม็กซิโก เป็นรัฐแรกที่ออกกฎหมายให้การใช้กัญชาในทางการแพทย์ในปี 2521
ประตูก้าวแรกของรับรอง
ผลกระทบจากการปิดกั้นของรัฐครั้งนั้นได้ทำอัตราการความต้องการ demand ของกัญชาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่วัยรุ่น ที่ต้องการ “ทดลองใช้” ทำให้ในช่วงต้นยุค 90 มลรัฐของสหรัฐอเมริกาจำนวน 34 รัฐ เกิดการต่อสู้เพื่อขอการรับรองให้กัญชาถูกกฎหมาย(ในทางการแพทย์) แต่ตามข้อเท็จจริงแล้วมีเพียง 17 รัฐเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการทำให้การใช้ทางการแพทย์ถูกกฎหมาย
ปัจจุบัน
ถึงอย่างไรก็ตามการจำหน่ายกัญชาแบบผิดกฎหมายของรัฐยังคงดำเนินต่อไปในธุรกิจใต้ดินจนปัจจุบัน จนการต่อสู้ของประชาชนที่ต้องการใช้กัญชามาถึงยุคปัจจุบัน บางรัฐในสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายให้กัญชาทางการแพทย์ถูกกฎหมาย และบางรัฐออกกฎหมายให้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจสำหรับผู้ที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป เช่น โคโลราโด วอชิงตัน อลาสก้า และโอเรกอน ซึ่งทำให้เกิด 18 รัฐในสหรัฐที่กัญชาถูกกฎหมาย โดยจำกัดให้บุคคลที่อายุ 21 ปีขึ้นไปสามารถครอบครองและใช้ “เพื่อสันทนาการ” ได้